วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2554

10 วิธีดูรถมือสองก่อนซื้อ checklist before buy used car

10 วิธีง่ายๆ ดูรถมือสองก่อนจะซื้อ
1. ส่วนภายในด้านหน้าและระบบไฟฟ้า เมื่อเราได้ลองนั่งที่นั่งคนขับ ทุกส่วนที่อยู่ในแผง Console เราต้องตรวจสอบว่าทุกอย่างสามารถทำงานได้ดีหรือไม่
2. ส่วนภายในด้านหลังและระบบการทำงาน ส่วนใหญ่บริเวณนี้ก็คงต้องตรวจสอบสภาพเบาะภายใน อุปกรณ์ที่มีอยู่ด้านหลัง
3. ตรวจสอบตัวถังรถ สำหรับบางท่านที่ไม่คุ้นเคยอาจจะยากสักหน่อย แต่เคล็ดลับง่าย ๆ หาเพื่อนที่ใช้รถ รุ่นที่เราหมายตาไว้ ให้ช่วยดูให้ ด้วยความคุ้นเคยเพื่อนจะสามารถบอกเราได้ถึงร่องรอยที่ผิดปกติ แต่ถ้าหาคนรู้จักไม่ได้ ก็คงต้องอาศัยผู้ขายที่มีมาตรฐานไว้ใจได้เท่านั้น
4. เปิดฝากระโปรงหน้า คราวนี้ดูจะยากขึ้นไปอีกขั้น แต่เบื้องต้นดูง่าย ๆ ว่ามีคราบน้ำมันรั่วซึมอยู่หรือไม่ ที่ชี้ให้คุณรู้ว่าคุณกำลังซื้อรถมาขับ หรือซื้อมาซ่อม ถ้าจะให้ดีหาคนที่มีความรู้ไปช่วยจะดีกว่ามาก
5. ยกรถขึ้น ขั้นตอนนี้ต้องใช้เครื่องมือเข้าช่วย แต่ถึงอย่างไรก็สำคัญมากที่สุด ต้องตรวจดูทุกจุดที่อยู่ใต้ท้อง เพราะนั่นหมายถึงชีวิตและทรัพย์สินของคุณทีเดียว
6. เดินเครื่องยนต์ สำรวจฟังเสียงรบกวน ลองหมุนพวงมาลัยดูราบลื่นดีหรือไม่ ฟังเสียงที่เกิดขึ้น ช่วงนี้ตรวจสอบระบบเกียร์ดูว่าผิดปกติหรือไม่ เพราะเป็นระบบที่เสียค่าใช้จ่ายสูงมากหากเกิดเสียขึ้นมา
7. ประตูหลัง ท้ายรถ ตรวจการทำงาน ดูอุปกรณ์ประจำรถ จุดนี้สามารถดูได้ว่ารถเคยถูกชนหลังหรือไม่ และอุปกรณ์ทำงานได้อย่างดีหรือเปล่า
8. ขับทดสอบ คงเป็นไปได้ยากถ้าคุณจะต้องตัดสินใจซื้อรถโดยไม่ทำการทดสอบเสียก่อน การขับทดสอบก็เพื่อดูระบบเกียร์ ระดับเสียงรบกวน ระบบเบรก ล้อและช่วงล่าง รวมทั้งการทำงานของหน้าปัดบอกความเร็วและระยะทาง
9. หลังลองขับ แล้วกลับมาดูใต้ท้องใหม่อีกครั้ง ว่ามีรอยรั่วซึม หรือชำรุดที่ใต้ท้องหรือไม่
10.ขาดไม่ได้เลย   คือเอกสาร คู่มือผู้ใช้ สมุดทะเบียน การตรวจสอบประวัติบริการ กุญแจ รีโมท

10 วิธีที่ผมบอกไปนี้เป็นเพียงการตรวจเช็คง่ายและคร่าวๆ ในการตรวจสอบเท่านั้น แต่ถ้าผู้อ่านต้องการจะซื้อจริงๆ ผมแนะนำให้หาช่างใกล้ๆ บ้านไปด้วยแล้ว เอา 10 ขั้นตอนนี้ไปทำเป็น Checklist เพื่อกันลืมนะครับ



จำไว้ว่า ทุกอย่างต้องอาศัยประสบการณ์เคียงคู่กับหลักการ แน่นอน มันไม่สามารถการันตีได้ว่าเมื่อคุณทำตามสิ่งที่เราบอกแล้ว จะได้รถดี แต่อย่างน้อยมันก็ช่วยให้เรารู้ประวัติรถได้ในระดับหนึ่ง และมันก็ช่วยให้คุณไม่ตกเป็นเหยื่อ พวกย้อมแมวขาย
1.อย่าเลือกรถเกิน 10 ปี จงจำไว้เลยว่า รถยิ่งอายุมาก ยิ่งแก่ ยิ่งมีคนใช้งานมาก ย่อมมีค่าซ่อมเพิ่ม ในบรรดาข้อแรกของคำแนะนำนี้ เรารู้ว่าอาจไม่ใช่ทุกคนที่ทำได้ แต่ถ้ามีโอกาส คุณควรเลือกรถที่มีอายุไม่เกิน 10 ปี เพราะรถจะไม่ช้ำมากนัก เมื่อเทียบกับรถรุ่นอื่น

ๆ2.ตัวถัง เรื่องสำคัญที่ต้องเช็ค หลังจากเราเลือกที่เราอยากได้แล้ว ทีนี้ได้เวลาตรวจสอบรถกัน แน่นอนมันไม่ง่ายนัก แต่ก็ไม่ได้ยากจนเหลือบ่ากว่าแรงในการตรวจเช็ค บอดี้ที่จะเป็นสิ่งแรกซึ่งจะระบุว่ารถคันดังกล่าวเป็นเช่นไร
วิธีตรวจสอบตัวถังนั้นให้เราดูว่าสีมีความสดใหม่เกินไปหรือไม่ มีรอยแตกลายงาหรือไม่ หรือ ปูด ซึ่งเป็นสิงที่บ่งบอกถึงสนิม และแน่นอนลองตรวจรอบรถ ด้วยสายตาแล้วเคาะเพื่อดูความหนาของสีโป๊ว รวมถึงการเปลี่ยนอะไหล่บางอย่างที่เราสามารถสังเกตได้อย่างชัดเจน
33.เครื่องยนต์..ไม่ต้องกิ๊บแต่ตามสภาพ หลายคนที่ดูรถใหม่ชอบคิดว่ารถที่ดีจำต้องมีเครื่องที่สะอาดกิ๊บ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ เพราะ เครื่องที่สะอาดไป อาจหมายถึงการที่เต๊นท์หรือร้าน เก็บงานมาแล้ว และมันยากที่จะตรวจสอบสภาพเครื่อง แน่นอน เครื่องยนต์ดูแต่ตาไม่ได้ ต้องลองเดินเครื่อง แต่ก่อนอื่นต้องลองเช็คว่าน้ำมันเครื่องมีกลิ่นไหม้จากไม้วัดรึเปล่า รวมถึงรอยซึมของปะเก็นตามชิ้นส่วนต่างๆ และที่สำคัญ พวกชุดสายไฟ ดูด้วยว่ามีลักษณะการเสื่อมสภาพมากน้อยเพียงใด ถ้ามองแล้วสายไฟใหม่เกินไป อาจเป็นได้ที่รถคันนั้นจะมีปัญหาท้องรถ ตามซุ้มล้อ ด้วย ซึ่งเป็นจุดที่อ่อนไหวมากที่สุด และมันพอบอกได้ในระดับหนึ่งว่ารถคันนี้เคยเกิดอุบัติเหตมาหรือไม่ ??

4.ทดลองขับ ..สำคัญและต้องทำ ทุกวันนี้เต๊นท์รถหลายเจ้า เริ่มมีการให้ทดลองขับรถของร้านได้แล้ว และมันคงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเราผู้บริโภค ที่จะได้มีโอกาส ในการเลือกมากขึ้น แน่นอนการขับบอกได้ทุกอย่างเกี่ยวกับรถ 1 คัน ทั้งความเหมาะสมกับตัวเราไปจนถึงสมรรถนะและสภาพของรถ ซึ่งเราต้องทดสอบทุกอย่างและใช้ช่วงเวลานี้ให้เป็นประโยชน์ที่สุด

5.ไมล์ดูได้ ..แต่ต้องมององค์ประกอบ หลายคนที่ไปดูรถมักติดที่ว่ารถคันนี้วิ่งมาเท่าไร และแน่นอนคิดว่า ไมล์ที่หน้าปัดจะสามารถช่วยได้ แน่นอน รถที่วิ่งมามากย่อมหมายถึงเสื่อมสภาพมาก แต่ในความป็นจริงระยะที่วิ่งมาอาจไม่ได้บอกทุกอย่าง เท่าสภาพโดยรอบ เช่นการใช้งานของโดยสาร โดยเฉพาะพวงมาลัย จะบอกได้ดีว่ารถคันนั้น ผ่านศึกมามากน้อยเพียง เช่นเดียวกับยาง ถ้ามันดูใหม่เกินไมล์นั่นอาจหมายความว่า รถคันนั้นเจอคนขับทีนหนักเข้าให้ แล้วคุณจะเสี่ยงซื้อหรือ

ทั้ง ข้อ นี้ เป็นหลักการเบื้องต้น ที่ช่างดูรถทุกคนก็ใช้ แต่แน่นอน หลักการสามารถดูได้แต่ประสบการณ์มันเป็นเรื่องที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งคุณควรจะพิจารณาว่า รถคันนั้นเหมาะที่จะเป็นเจ้าของหรือไม่ ทั้งหมด อยู่ที่ตัวคุณเท่านั้น


1 ความคิดเห็น: