วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2554

เช็คลิสต์สำหรับเลือกรถมือสอง checklist for used car

บตรวจรับรถมือสอง..มีประโยชน์ 
    [ 24/02/2009 ] - [ 636 ] 
 

เจอแบบฟอร์ม ขั้นตอนตรวจเช็ครถยนต์ มีประโยชน์ดี ช่วยให้มีความละเอียด
ในการรับรถ
ภายนอก ผ่าน ไม่ผ่าน หมายเหตุ
สีรถดูในที่ร่ม (ต้องไม่มีรอยบุบ ลักยิ้ม)
สภาพกระจก O หน้า O หลัง O ประตู 4 บาน
สภาพรอบคัน
สภาพกันชน O หน้า O หลัง
สภาพไฟ O หน้า O หลัง O เบรค O เลี้ยว O ตัดหมอก
ขอบประตูทั้ง 4 บาน
Seal ยางขอบประตูทั้ง 4 บาน (แน่น ไม่เหนียว)
เปิด-ปิด O กระโปรงหน้า O หลัง O ฝาน้ำมัน O ประตู 4 บาน
ที่ล็อคเด็กประตูหลัง
ขนาดยาง ปีที่ผลิต
ท้ายรถ O ล้ออะไหล่ O แม่แรง O ประแจ
ภายใน
สภาพเบาะ ต้องไม่ฉีกขาด ไม่มีรอยเลอะ
หน้าปัทม์ O ความเร็วรอบ O ความเร็ว O น้ำมัน O ความร้อน
ลายไม้
Front Central Panel
ช่องเก็บของ เปิด-ปิดได้ดี
เข็มขัดนิรภัยทุกจุด (ลองปรับ-กระตุก)
ปรับ O เบาะคู่หน้า O ที่รองศีรษะ
อุปกรณ์ O พรมปูพื้น O ผ้ายาง
ทดลอง O แป้นเบรค O คันเร่ง O เบรคมือ
ปุ่มเปิด O กระโปรงหน้า O หลัง O ฝาน้ำมัน
ระบบไฟฟ้า
เปิด-ปิด O ไฟหรี่ O ไฟหน้าปัทม์ O ไฟหน้า O ไฟสูง O ไฟตัดหมอก
เปิด-ปิด O ไฟหลัง O ไฟเบรค O ไฟถอยหลัง
เปิด-ปิด O ไฟเลี้ยว O ไฟฉุกเฉิน
ใช้งาน O ที่ปัดน้ำฝนทุกจังหวะ O ที่ฉีดน้ำล้างกระจก
กดแตร
เปิด-ปิด ไล่ฝ้า (ลองกดที่กระจกต้องร้อน)
หมุนพวงมาลัยจนสุด 2 ด้าน (ต้องไม่มีเสียง)
ปรับพวงมาลัย ใกล้-ไกล สูง-ต่ำ
ลองเล่นวิทยุ-เทป-CD
ฟังลำโพงทุกจุด
นาฬิกา
กระจกไฟฟ้าปรับขึ้น-ลงได้สุดทุกด้าน
กระจกข้าง O ปรับได้ทุกทิศ O หุบได้
สัญญาณแสดงเตือน O ประตูเปิด O คาดเข็มขัด O เบรคมือ
การใช้งาน O กุญแจรีโมท O Central Lock
ไฟแสดงตำแหน่งเกียร์
ระบบปรับอากาศ
ปรับระดับแรงลมทุกระดับ
ปรับความเย็น-ร้อนของ Air
ปรับช่องลมเปิด-ปิด
ปรับครีบช่องลม
ช่องแช่เย็นด้านหน้า
ห้องเครื่อง
ใต้ฝากระโปรงหน้า
สภาพห้องเครื่อง
สายพานต่างๆ
O น้ำมันเครื่อง O น้ำมันเบรค O น้ำมันเกียร์ O น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์
O น้ำกลั่นแบตเตอรี่ O น้ำหม้อน้ำ O น้ำฉีดกระจก
Strat - ฟังเสียงเครื่องยนต์
เร่งเครื่อง - ฟังเสียงเครื่องยนต์จากห้องโดยสาร
เอกสาร
สมุดทะเบียนรถ
หมายเลขเครื่องยนต์ หมายเลขตัวถัง ตรงกับสมุดทะเบียนรถ
ใบโอนรถ
O เอกสารประกันภัย O พรบ.
O สมุดคู่มือป้ายแดง O ทะเบียนป้ายแดง
คู่มือรถ
เอกสารการรับประกันอุปกรณ์ และเช็คระยะฟรี
ของแถมต่างๆ ตามที่ตกลงกันไว้
ใบเสร็จรับเงินค่า Down

ดูยังไง ว่ารถที่จะซื้อโดนน้ำท่วมรอบที่แล้วหรือไม่ ไม่รู้อ่านดู flooded car

จากเหตุการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมาเมื่อช่วงปลายปีนั้น ที่ส่งผลให้รถจำนวนมากหลายคันจมอยู่ใต้บาดาลและแน่นอนว่า มันย่อมไม่ใช่รถที่คุณควรมองและเลือกหามาใช้เป็นรถคู่ใจคันต่อไป แม้รถพวกนี้หลายๆคันจะซ่อมและวิ่งใช้งานได้ ทว่ามันก็จะมีส่วนอื่นๆที่เสียหายได้ตามมา และเจ้าของรถในเขตที่ประสบภัยหลายคนจึงตัดสินใจขายรถยนต์ และนำมาสู่วงการรถยนต์มืองสอง
อีกครั้งที่นี่เป็นมหาวิปโยคของวงการรถมือสอง เพราะไม่มีใครที่อยากจะใช้รถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมและได้รับความเสียอย่างหนัก แต่นี่อาจเป็นโอกาสของใครบางคนที่รู้จักเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาสและมันทำให้รถที่ถูกน้ำท่วมหลายคันเข้าสู่เต๊นท์รถมือสอง
นี่เป็นข่าวล่ามาเร็ว และเราอยากให้หลายคนที่กำลังมองหารถมือสองคันใหม่มาขับได้รู้ เพราะเราไม่แน่ใจว่าคุณอาจจะเจอแจ๊คพอทหรือไม่ และวันนี้เราจะพาไปรู้จักรถมือสองที่ถูกน้ำท่วมว่าดูอย่างไรจึงจะรู้
1.จับจุดตัวถัง สิ่งแรกที่เราสามารถเห็นได้และพอที่จะเดาประวัติว่ารถคันนั้น ถูกน้ำท่วมมาหรือไม่ควร เริ่มจากที่ตัวบอดี้รถกันก่อน ซึ่ง หากมีจุดที่ผุหรือเกิดสนิมในบริเวณที่ไม่ควรจะเกิด ให้สันนิษฐานกันก่อนเลยว่า รถคันดังกล่าวนั้นถูกน้ำท่วมมา โดยดูจากรอยจะเข็บตัวถัง ในจุดต่างๆ โดยเฉพาะ ใต้ท้องรถ อันนี้ของมันฟ้องกันอยู่แล้ว ดูได้ง่ายๆไม่ยาก โดยเฉพาะในพวกชุดช่วงล่างหรือใต้ท้อง ยิ่งแชสซีนี่ใช่เลย
2. กลิ่นห้องโดยสาร ตามปกติแล้วบรรดาผู้จัดจำหน่ายรถยนต์มือสองในปัจจุบันจะมีการปรับปรุงรถก่อนมาตั้งจำหน่าย และแน่นอนว่า มันยากที่จะทำให้เรารู้ว่า รถยนต์คันดังกล่าวนั้นถูกน้ำท่วมมาหรือไม่ ซึ่งตามปกติแล้ว เบาะ พรม และทุกอย่างจะถูกนำออกไปซัก เพื่อขจัดคราบต่างๆ แต่สิ่งหนึ่งที่อยากจะจำกัดคือ กลิ่นในห้อง โดยสาร ที่จะติดรถอยู่อย่างนั้น เนื่องจากน้ำที่ท่วมนั้นเป็นน้ำโคลน กลิ่นต่างๆจะอยู่เป็นเวลานานและถือเป็นหลักฐานที่สำคัญ
3. เครื่องยนต์ช่วยชี้แนะ เครื่องยนต์เป็นอีกจุดหนึ่งที่มีความสำคัญในการบ่งบอกประวัติรถยนต์คันนั้น และกับในกรณีน้ำท่วมเช่นกัน ที่เครื่องยนต์คงจะถูกยกออกมาถอดประกอบเพื่อล้างไส้ในจากน้ำโคลนที่เข้าไป แต่หลายๆอู่ มักจะไม่นิยมเปลี่ยนน๊อตตัวเครื่องยนต์ใหม่สักเท่าไรนัก และ เมื่อเหล็กอยู่ในน้ำเป็นเวลานานๆ น๊อตก็จะเป็นสนิมหรือมีร่องรอยการยากาวในการถอดประกอบเครื่อง โดยเฉพาะ ส่วนฝาสูบ หรือไม่ถ้ามีความรู้สึกว่าเครื่องยนต์มันดูใหม่เกินไปนั้น ให้ลองดูอย่างละเอียดดี เพราะบางครั้ง เขาก็ใช้วิธีเปลี่ยนเครื่องเอาก็เป็นไปได้
4. ระบบไฟฟ้า อีกประการที่แก้ไม่จบ น้ำกับไฟฟ้าไม่ใช่ของถูกกัน และแน่นอนว่า มันหมายถึงระบบไฟฟ้าภายในรถที่อาจจะมีปัญหาเกิดขึ้นได้ ระบบไฟฟ้าในรถยนต์ปัจจุบันถือว่าละเอียดอ่อนมาก และถ้ารถคันดังกล่าว มีอาการประเภทเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย อย่าง กระจกไฟฟ้า แล้วทำงานบ้างไม่ทำงานบ้าง อันนี้สันนิษฐานได้ว่า อาจเคยจมน้ำมา เนื่องจากความชื้นที่ยังจับตัวแน่นในแผงวงจรทำให้เกิดการทำงานที่ผิดปกติ และมันมักจะทำให้รถคันดังกล่าว มีปัญหาแบบแปลกๆ

ทั้งหมดนี้เป็นหลักการเบื้องต้นในการดูรถมือสอง ว่าจมน้ำมาหรือไม่ เพราะรถเหล่านี้ ถ้าซ่อมมาไม่ถึงก็จะไม่จบ แม้จะไม่ใช่รถอุบัติเหตุก็ตาม อย่างไรก็ดีการซื้อรถมือสอง ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้นควรจะให้ผู้ชำนาญการไปร่วมในการพิจารณา ก่อนการตัดสินใจการซื้อรถ

10 วิธีดูรถมือสองก่อนซื้อ checklist before buy used car

10 วิธีง่ายๆ ดูรถมือสองก่อนจะซื้อ
1. ส่วนภายในด้านหน้าและระบบไฟฟ้า เมื่อเราได้ลองนั่งที่นั่งคนขับ ทุกส่วนที่อยู่ในแผง Console เราต้องตรวจสอบว่าทุกอย่างสามารถทำงานได้ดีหรือไม่
2. ส่วนภายในด้านหลังและระบบการทำงาน ส่วนใหญ่บริเวณนี้ก็คงต้องตรวจสอบสภาพเบาะภายใน อุปกรณ์ที่มีอยู่ด้านหลัง
3. ตรวจสอบตัวถังรถ สำหรับบางท่านที่ไม่คุ้นเคยอาจจะยากสักหน่อย แต่เคล็ดลับง่าย ๆ หาเพื่อนที่ใช้รถ รุ่นที่เราหมายตาไว้ ให้ช่วยดูให้ ด้วยความคุ้นเคยเพื่อนจะสามารถบอกเราได้ถึงร่องรอยที่ผิดปกติ แต่ถ้าหาคนรู้จักไม่ได้ ก็คงต้องอาศัยผู้ขายที่มีมาตรฐานไว้ใจได้เท่านั้น
4. เปิดฝากระโปรงหน้า คราวนี้ดูจะยากขึ้นไปอีกขั้น แต่เบื้องต้นดูง่าย ๆ ว่ามีคราบน้ำมันรั่วซึมอยู่หรือไม่ ที่ชี้ให้คุณรู้ว่าคุณกำลังซื้อรถมาขับ หรือซื้อมาซ่อม ถ้าจะให้ดีหาคนที่มีความรู้ไปช่วยจะดีกว่ามาก
5. ยกรถขึ้น ขั้นตอนนี้ต้องใช้เครื่องมือเข้าช่วย แต่ถึงอย่างไรก็สำคัญมากที่สุด ต้องตรวจดูทุกจุดที่อยู่ใต้ท้อง เพราะนั่นหมายถึงชีวิตและทรัพย์สินของคุณทีเดียว
6. เดินเครื่องยนต์ สำรวจฟังเสียงรบกวน ลองหมุนพวงมาลัยดูราบลื่นดีหรือไม่ ฟังเสียงที่เกิดขึ้น ช่วงนี้ตรวจสอบระบบเกียร์ดูว่าผิดปกติหรือไม่ เพราะเป็นระบบที่เสียค่าใช้จ่ายสูงมากหากเกิดเสียขึ้นมา
7. ประตูหลัง ท้ายรถ ตรวจการทำงาน ดูอุปกรณ์ประจำรถ จุดนี้สามารถดูได้ว่ารถเคยถูกชนหลังหรือไม่ และอุปกรณ์ทำงานได้อย่างดีหรือเปล่า
8. ขับทดสอบ คงเป็นไปได้ยากถ้าคุณจะต้องตัดสินใจซื้อรถโดยไม่ทำการทดสอบเสียก่อน การขับทดสอบก็เพื่อดูระบบเกียร์ ระดับเสียงรบกวน ระบบเบรก ล้อและช่วงล่าง รวมทั้งการทำงานของหน้าปัดบอกความเร็วและระยะทาง
9. หลังลองขับ แล้วกลับมาดูใต้ท้องใหม่อีกครั้ง ว่ามีรอยรั่วซึม หรือชำรุดที่ใต้ท้องหรือไม่
10.ขาดไม่ได้เลย   คือเอกสาร คู่มือผู้ใช้ สมุดทะเบียน การตรวจสอบประวัติบริการ กุญแจ รีโมท

10 วิธีที่ผมบอกไปนี้เป็นเพียงการตรวจเช็คง่ายและคร่าวๆ ในการตรวจสอบเท่านั้น แต่ถ้าผู้อ่านต้องการจะซื้อจริงๆ ผมแนะนำให้หาช่างใกล้ๆ บ้านไปด้วยแล้ว เอา 10 ขั้นตอนนี้ไปทำเป็น Checklist เพื่อกันลืมนะครับ



จำไว้ว่า ทุกอย่างต้องอาศัยประสบการณ์เคียงคู่กับหลักการ แน่นอน มันไม่สามารถการันตีได้ว่าเมื่อคุณทำตามสิ่งที่เราบอกแล้ว จะได้รถดี แต่อย่างน้อยมันก็ช่วยให้เรารู้ประวัติรถได้ในระดับหนึ่ง และมันก็ช่วยให้คุณไม่ตกเป็นเหยื่อ พวกย้อมแมวขาย
1.อย่าเลือกรถเกิน 10 ปี จงจำไว้เลยว่า รถยิ่งอายุมาก ยิ่งแก่ ยิ่งมีคนใช้งานมาก ย่อมมีค่าซ่อมเพิ่ม ในบรรดาข้อแรกของคำแนะนำนี้ เรารู้ว่าอาจไม่ใช่ทุกคนที่ทำได้ แต่ถ้ามีโอกาส คุณควรเลือกรถที่มีอายุไม่เกิน 10 ปี เพราะรถจะไม่ช้ำมากนัก เมื่อเทียบกับรถรุ่นอื่น

ๆ2.ตัวถัง เรื่องสำคัญที่ต้องเช็ค หลังจากเราเลือกที่เราอยากได้แล้ว ทีนี้ได้เวลาตรวจสอบรถกัน แน่นอนมันไม่ง่ายนัก แต่ก็ไม่ได้ยากจนเหลือบ่ากว่าแรงในการตรวจเช็ค บอดี้ที่จะเป็นสิ่งแรกซึ่งจะระบุว่ารถคันดังกล่าวเป็นเช่นไร
วิธีตรวจสอบตัวถังนั้นให้เราดูว่าสีมีความสดใหม่เกินไปหรือไม่ มีรอยแตกลายงาหรือไม่ หรือ ปูด ซึ่งเป็นสิงที่บ่งบอกถึงสนิม และแน่นอนลองตรวจรอบรถ ด้วยสายตาแล้วเคาะเพื่อดูความหนาของสีโป๊ว รวมถึงการเปลี่ยนอะไหล่บางอย่างที่เราสามารถสังเกตได้อย่างชัดเจน
33.เครื่องยนต์..ไม่ต้องกิ๊บแต่ตามสภาพ หลายคนที่ดูรถใหม่ชอบคิดว่ารถที่ดีจำต้องมีเครื่องที่สะอาดกิ๊บ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ เพราะ เครื่องที่สะอาดไป อาจหมายถึงการที่เต๊นท์หรือร้าน เก็บงานมาแล้ว และมันยากที่จะตรวจสอบสภาพเครื่อง แน่นอน เครื่องยนต์ดูแต่ตาไม่ได้ ต้องลองเดินเครื่อง แต่ก่อนอื่นต้องลองเช็คว่าน้ำมันเครื่องมีกลิ่นไหม้จากไม้วัดรึเปล่า รวมถึงรอยซึมของปะเก็นตามชิ้นส่วนต่างๆ และที่สำคัญ พวกชุดสายไฟ ดูด้วยว่ามีลักษณะการเสื่อมสภาพมากน้อยเพียงใด ถ้ามองแล้วสายไฟใหม่เกินไป อาจเป็นได้ที่รถคันนั้นจะมีปัญหาท้องรถ ตามซุ้มล้อ ด้วย ซึ่งเป็นจุดที่อ่อนไหวมากที่สุด และมันพอบอกได้ในระดับหนึ่งว่ารถคันนี้เคยเกิดอุบัติเหตมาหรือไม่ ??

4.ทดลองขับ ..สำคัญและต้องทำ ทุกวันนี้เต๊นท์รถหลายเจ้า เริ่มมีการให้ทดลองขับรถของร้านได้แล้ว และมันคงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเราผู้บริโภค ที่จะได้มีโอกาส ในการเลือกมากขึ้น แน่นอนการขับบอกได้ทุกอย่างเกี่ยวกับรถ 1 คัน ทั้งความเหมาะสมกับตัวเราไปจนถึงสมรรถนะและสภาพของรถ ซึ่งเราต้องทดสอบทุกอย่างและใช้ช่วงเวลานี้ให้เป็นประโยชน์ที่สุด

5.ไมล์ดูได้ ..แต่ต้องมององค์ประกอบ หลายคนที่ไปดูรถมักติดที่ว่ารถคันนี้วิ่งมาเท่าไร และแน่นอนคิดว่า ไมล์ที่หน้าปัดจะสามารถช่วยได้ แน่นอน รถที่วิ่งมามากย่อมหมายถึงเสื่อมสภาพมาก แต่ในความป็นจริงระยะที่วิ่งมาอาจไม่ได้บอกทุกอย่าง เท่าสภาพโดยรอบ เช่นการใช้งานของโดยสาร โดยเฉพาะพวงมาลัย จะบอกได้ดีว่ารถคันนั้น ผ่านศึกมามากน้อยเพียง เช่นเดียวกับยาง ถ้ามันดูใหม่เกินไมล์นั่นอาจหมายความว่า รถคันนั้นเจอคนขับทีนหนักเข้าให้ แล้วคุณจะเสี่ยงซื้อหรือ

ทั้ง ข้อ นี้ เป็นหลักการเบื้องต้น ที่ช่างดูรถทุกคนก็ใช้ แต่แน่นอน หลักการสามารถดูได้แต่ประสบการณ์มันเป็นเรื่องที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งคุณควรจะพิจารณาว่า รถคันนั้นเหมาะที่จะเป็นเจ้าของหรือไม่ ทั้งหมด อยู่ที่ตัวคุณเท่านั้น